วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
วุ้นกะทิ
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
(พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน)
ข้าวเหนียวมะม่วง
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* มะม่วงสุก 3 ลูก
* ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
* หัวกะทิ 450 กรัม
* เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 550 กรัม
* ใบเตย 3-5 ใบ
* ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ
* หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำราด)
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา (สำหรับทำน้ำราด)
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำข้าวเหนียวไปล้างและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ
2. นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ง แล้วจึงนำข้างเหนียววางลงบนผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปนึ่งจนข้าวเหนียวสุก
3. ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา) และหัวกะทิ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่ใบเตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ
4. ในชามขนาดกลาง ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งไว้จนสุกดีแล้วลงไป จากนั้นจึงใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว และทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที
5. ในระหว่างที่รอ เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดย ผสมหัวกะทิ (2 ถ้วยตวง) และเกลือป่น (1/4 ช้อนชา) ลงในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนเกลือละลายทั่ว จึงปิดไฟ
6. ปอกมะม่วงและจัดใส่จาน เวลาเสริฟ ตักข้าวเหนียวใส่จานจากนั้นโรยหน้าด้วยน้ำราดกะทิและถั่วทอง ควรเสริฟทันทีหลังจากปอกมะม่วงเสร็จใหม่ๆ
ขนมหม้อแกงเผือก
ส่วนผสม ขนมหม้อแกงเผือก
น้ำตาลปึก 1 ถ้วยตวง
กะทิ 1 ถ้วยตวง
ไข่ 1 ถ้วยตวง
เผือกนึ่งยีละเอียด 1 ถ้วยตวง
น้ำมัน 1/4 ถ้วยตวง
หัวหอมซอย 1/3 ถ้วยตวง
วิธีทำ ขนมหม้อแกงเผือก
1. นำน้ำตาล มาผสมลงในน้ำกะทิ คนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
2. ตีไข่ ใส่ลงในเผือก คนให้เข้ากัน แล้วนำกะทิที่ผสมไว้เทลง แล้วคนเข้าให้เขากันอีกรอบ
3. ตั้งกระทะ เจียวหอมให้พอเหลือง
4. ตักขนมที่ผสมไว้ใส่ถาด เพื่อนำเข้าเตาอบ ที่อุณหภูมิ 350 F จนสังเกตผิวของขนมเป็นสีเหลืองทอง
ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
5. นำออกจากเตา โรยหน้าด้วยหอมเจียวก็เป็นอันเสร็จ ขนมหม้อแกงเผือก ของพวกเรา
ขนมเผือก
เครื่องปรุง
เผือกนึ่งบดละเอียด 1 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
แป้งมัน 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
หน้าขนม
มะพร้าวขูดฝอย 1/4 ถ้วย
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำเผือกมานึ่งให้สุกและบดให้ละเอียด
2. ร่อนแป้งข้าวเจ้ากับแป้งมันรวมกัน
3. นำแป้งที่ร่อนแล้วไปนวดรวมกับเผือกให้เข้ากันโดยใส่หัวกะทิลงไปทีละน้อย
4. ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ส่วนหัวกะทิที่เหลือก็ค่อยๆ ใส่ทีละน้อย
5. ผสมหัวกะทิให้เข้ากันกับส่วนผสมทั้งหมดจนน้ำตาลละลายหมด
6. เตรียมหน้าขนมโดยเคล้ามะพร้าวขูดฝอยกับเกลือป่นให้เข้ากัน
7. ตักส่วนผสมของเผือกใส่ลงในกระทงหรือถ้วยที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด แล้วนำไปเรียงในรังถึง
8. นึ่งไฟปานกลางค่อนข้างแรงประมาณ 20-25 นาที หรือจนขนมสุกใสเป็นเงา ก็ยกลงได้
9. จัดใส่จาน จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลย
กระท้อนลอยแก้ว
ส่วนผสม
กระท้อนปุยฝ้าย 3 ลูก
(เลือกที่แก่จัด เพราะจะได้เนื้อที่หวานและปุยนุ่ม)
น้ำตาลทราย 2/3 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำร้อน 1 ถ้วย
น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
- เริ่มจากชงน้ำร้อนกับเกลือ คนจนเกลือละลายแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง และทิ้งไว้ให้เย็น
- ปอกเปลือกกระท้อนออกให้เกือบ ถึงปุย ใช้มีดแซะเนื้อระหว่างเมล็ดออกและหั่นกระท้อนออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำลงแช่ในน้ำเกลือที่ทำรอไว้แล้ว
- ทีนี้ก็มาทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำสะอาด
(หรือน้ำลอยดอกมะลิ จะช่วยให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ) เข้าด้วยกัน และยกตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองเอาผงออก จากนั้นก็ล้างภาชนะที่ทำให้สะอาด แล้วเทน้ำเชื่อมใส่ลงไปเคี่ยวต่ออีกที จนได้น้ำเชื่อมที่ข้นกำลังดีก็เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
- ช้อนกระท้อนขึ้นจากน้ำเกลือ ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ และใส่ลงในชามน้ำเชื่อม ใส่เกลือลงไปในน้ำเชื่อมเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ให้พอมีรสหวานเค็มนิดๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้
- พอเวลาจะกินก็แค่ใส่น้ำแข็ง ลงไป
หมายเหตุ :โดยตามธรรมชาติของกระท้อนในเมืองไทยนั้น จะออกลูกแค่ปีละครั้ง ในช่วงเดือนพ.ค. - ก.ย.เท่านั้น
ขนมเต้าส่วน
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* แป้งมัน 50 กรัม
* ถั่วเขียวเลาะเปลือก 250 กรัม
* น้ำเปล่า 900 กรัม
* หัวกะทิ 200 กรัม
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือก ล้างทำความสะอาด จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปใส่ผ้าขาวบางและนำไปนึ่งจนสุก
2. ระหว่างรอถั่วเขียวนึ่ง เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือและนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนสักพักจึงใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปกวนจนแป้งสุกจึงปิดไฟ และพักไว้
3. นำน้ำเปล่าไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไปคนจนละลายดี เสร็จแล้วใส่แป้งมัน ลงไปคนต่อจนแป้งสุกใส ใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงไป คนจนกระจายทั่ว จึงปิดไฟ
4. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง) พร้อมเสริฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น
เค้กกล้วยหอม(แบบหน้านูน)
ส่วนผสม
1แป้งเค้ก(บัวแดง) 540 กรัม
2ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
3โซดา 1 ช้อนโต๊ะ
4กล้วยหอม 700 กรัม
5น้ำตาลทรายป่น 350 กรัม
6น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
7เกลือ 2 ช้อนชา
8ไข่ไก่ 2 ฟอง
9นมข้นจืด 200 กรัม
10น้ำส้มสายชู 20 กรัม
11น้ำมันพืช 250 กรัม
12กลิ่นกล้วยหอม 2 ช้อนชา
วิธีทำ
1ร่อนแป้ง ผงฟู ผงโซดา รวมกัน 2 ครั้ง พักไว้
2ตีกล้วยหอม น้ำตาลทราย น้ำตาลปีบ เกลือ จนเละเข้ากันดีตีพักไว้ 10 นาที
3ผสมนมกับน้ำส้มสายชู เติมลงในข้อ 2 ครึ่งส่วน เติมไข่ไก่ ตีต่ออีก 5 นาที
4ใส่แป้งสลับกับน้ำนม แล้วใส่น้ำมัน หมักแป้งไว้ ครึ่งชั่วโมง
5ตักใส่ถ้วยกระดาษ นำเข้าอบ เวลา 20 นาที
ขนมเทียน
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
* น้ำตาลโตนด 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำตัวแป้ง)
* น้ำตาลโตนด 1 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับทำไส้)
* ถั่วเขียวกะเทาะเปลือกนึ่ง 2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
* พริกไทย 1 ช้อนชา
* น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
* มะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. เริ่มจากทำตัวแป้งก่อนโดย นำน้ำตาลโตนดไปเคี่ยวจนเหนียวแล้วจึงนำไปนวดกับแป้งข้าวเหนียวจนเข้ากัน
2. เตรียมทำไส้หวาน โดยนำน้ำตาลโตนดเคี่ยวกับมะพร้าวจนแห้งจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ สำหรับไส้เค็ม ให้นำน้ำมันใส่กระทะไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นใส่ถั่วนึ่ง, พริกไทย, เกลือและน้ำตาลทราย ผัดจนหอมและส่วนผสมเข้ากันทั่วจึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น
3. ห่อขนมโดยตัดใบตองเป็นแผ่นๆ เช็ดให้สะอาดและทาด้วยน้ำมันนิดหน่อย ตักแป้งใส่แล้วห่อไส้เค็มหรือไส้หวานตามชอบ จากนั้นนำแป้งอีก ก้อนวางลงบนไส้ ห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม นำไปนึ่งประมาณ 30 นาทีจนสุก
ขนมถังแตก
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
+ ส่วนผสมทำตัวแป้ง +
* แป้งสาลี 500 กรัม
* แป้งข้าวเจ้า 1500 กรัม
* กะทิ 3 ถ้วยตวง
* น้ำ 6 ถ้วยตวง
* ยีสต์ 2 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 800 กรัม (1)
* น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา (2)
* เกลือป่น
+ ส่วนผสมไส้ขนม +
* งาดำคั่วพอสุก 3 ช้อนโต๊ะ
* มะพร้าวแก่ขูดเป็นเส้นๆ 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ผสมแป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1 : 800 กรัม) และเกลือป่นเล็กน้อย จากนั้นใส่กะทิและน้ำ คนให้เข้ากัน
2. ผสมยีสต์กับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2 : 2 ช้อนชา)ในน้ำอุ่นเล็กน้อย คนให้เข้ากันดี จากนั้นจึงปิดฝาภาชนะที่ใช้ผสม นำไป ตากแดดประมาณ 8-10 นาที จึงนำไปผสมกับส่วนผสมแป้งในขั้นตอนที่หนึ่ง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง พอเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและมีฟองเป็นอันใช้ได้
3. ทาน้ำมันที่กระทะ ตั้งไฟจนร้อนจัดแล้วลดไฟลง ตักแป้ง (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) ใส่กระทะเหล็ก พอแป้งเริ่มสุก จึงโรยน้ำตาลทราย (ตามความหวานที่ชอบ), งา และมะพร้าวขูด แซะพับครึ่งแล้วตักขึ้นใส่จานเสริฟ
ข้าวเหนียวดำเปียกเมล็ดบัว
เครื่องปรุง
- ข้าวเหนียวดำ 1 ถ้วยตวง
- มะพร้าวอ่อน 1 ผล
- เมล็ดบัว 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย
วิธีทำ
ต้มเมล็ดบัวให้สุกก่อน แล้วตักขึ้น เอาข้าวเหนียวดำต้มกับน้ำมะพร้าว ขูดเนื้อมะพร้าวใส่ลงไปด้วย เติมน้ำลงไปพอให้ได้ข้าวเหนียวที่มีน้ำขลุกขลิก พอเมล็ดข้าวบาน ใส่เมล็ดบัวลงไป เติมน้ำตาลทรายอย่าให้หวานมาก
- ข้าวเหนียวดำ 1 ถ้วยตวง
- มะพร้าวอ่อน 1 ผล
- เมล็ดบัว 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย
วิธีทำ
ต้มเมล็ดบัวให้สุกก่อน แล้วตักขึ้น เอาข้าวเหนียวดำต้มกับน้ำมะพร้าว ขูดเนื้อมะพร้าวใส่ลงไปด้วย เติมน้ำลงไปพอให้ได้ข้าวเหนียวที่มีน้ำขลุกขลิก พอเมล็ดข้าวบาน ใส่เมล็ดบัวลงไป เติมน้ำตาลทรายอย่าให้หวานมาก
จ่ามงกุฎ
ส่วนผสม
ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 6 ฟอง
กะทิ 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
สีเหลืองและสีแดง (สำหรับผสมอาหาร)
ทองคำเปลวอย่างดีตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
วิธีทำ
ผสมกะทิกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน ๆ ให้ส่วนผสมข้น ยกลงทิ้งไว้ให้อุ่น
ใส่ไข่แดงลงในสวนผสมข้อที่ 1 ทีละฟอง คนให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน
ค่อย ๆ ร่อนแป้งลงในส่วนผสมข้อที่ 2 คนไปทางเดียวกัน และคนให้เข้ากันดี นำไปตั้งไฟกวนให้สุกและแห้งไม่ติดมือ
หยดสีแดงและสีเหลืองลงในส่วนผสม (ขณะที่ขนมยังไม่ได้ที่) ให้ขนมมีลักษณะเป็นสีทอง จึงจะถูกต้อง
เมื่อขนมได้ที่แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
ปั้นส่วนผสมที่ได้เป็นรูปกลม ใช้มีดกรีดเบา ๆ เป็น 6 พูอย่าให้ขาด ลักษณะจะคล้ายผลมะยม เตรียมไว้เท่ากับจำนวนแป้งที่ทำเป็นถ้วยไว้
ส่วนผสมถ้วยขนม
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 3 ฟอง
วิธีทำ
นวดแป้งกับไข่แดงให้เข้ากัน
ใช้ไม้คลึงให้บาง กรุลงในพิมพ์
นำไปอบให้สุกเหลือง
ส่วนผสมเมล็ดแตงโม
เมล็ดแตงโม 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 1 1 / 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
นำน้ำตาลทรายผสมน้ำเปล่า เคี่ยวให้เหนียว พักไว้ให้เย็น
นำกระทะทองตั้งไฟอ่อน ๆ คั่วเมล็ดแตงโมให้เหลือง
ตะแคงกระทะทองเช็ดรอบ ๆ กระทะให้สะอาด ใช้มือจุ่มน้ำเชื่อมสะบัดใส่เมล็ดแตงโมในกระทะทอง ใช้มือกวาดไปมาบนกระทะจนน้ำตาลแห้งเกาะเมล็ดแตงโม ให้มีลักษณะเป็นหนามพองาม
วางจ่ามงกุฎที่ปั้นแล้วลงในถ้วยแป้ง แต่งด้วยเมล็ดแตงโมโดยรอบ ปั้นส่วนผสมจ่ามงกุฎเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ วางเป็นยอดและปิดทองบนยอด
ที่มา แม่บ้าน ปีที่ 30 ฉบับที่ 436 กันยายน 2548
ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 6 ฟอง
กะทิ 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
สีเหลืองและสีแดง (สำหรับผสมอาหาร)
ทองคำเปลวอย่างดีตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
วิธีทำ
ผสมกะทิกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน ๆ ให้ส่วนผสมข้น ยกลงทิ้งไว้ให้อุ่น
ใส่ไข่แดงลงในสวนผสมข้อที่ 1 ทีละฟอง คนให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน
ค่อย ๆ ร่อนแป้งลงในส่วนผสมข้อที่ 2 คนไปทางเดียวกัน และคนให้เข้ากันดี นำไปตั้งไฟกวนให้สุกและแห้งไม่ติดมือ
หยดสีแดงและสีเหลืองลงในส่วนผสม (ขณะที่ขนมยังไม่ได้ที่) ให้ขนมมีลักษณะเป็นสีทอง จึงจะถูกต้อง
เมื่อขนมได้ที่แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
ปั้นส่วนผสมที่ได้เป็นรูปกลม ใช้มีดกรีดเบา ๆ เป็น 6 พูอย่าให้ขาด ลักษณะจะคล้ายผลมะยม เตรียมไว้เท่ากับจำนวนแป้งที่ทำเป็นถ้วยไว้
ส่วนผสมถ้วยขนม
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 3 ฟอง
วิธีทำ
นวดแป้งกับไข่แดงให้เข้ากัน
ใช้ไม้คลึงให้บาง กรุลงในพิมพ์
นำไปอบให้สุกเหลือง
ส่วนผสมเมล็ดแตงโม
เมล็ดแตงโม 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 1 1 / 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
นำน้ำตาลทรายผสมน้ำเปล่า เคี่ยวให้เหนียว พักไว้ให้เย็น
นำกระทะทองตั้งไฟอ่อน ๆ คั่วเมล็ดแตงโมให้เหลือง
ตะแคงกระทะทองเช็ดรอบ ๆ กระทะให้สะอาด ใช้มือจุ่มน้ำเชื่อมสะบัดใส่เมล็ดแตงโมในกระทะทอง ใช้มือกวาดไปมาบนกระทะจนน้ำตาลแห้งเกาะเมล็ดแตงโม ให้มีลักษณะเป็นหนามพองาม
วางจ่ามงกุฎที่ปั้นแล้วลงในถ้วยแป้ง แต่งด้วยเมล็ดแตงโมโดยรอบ ปั้นส่วนผสมจ่ามงกุฎเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ วางเป็นยอดและปิดทองบนยอด
ที่มา แม่บ้าน ปีที่ 30 ฉบับที่ 436 กันยายน 2548
สังขยาฟักทอง
เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม)
* ไข่่ 4 ฟอง
* หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง
* แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
* เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา
* น้ำปูนใส
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)
2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ
* ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม)
* ไข่่ 4 ฟอง
* หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
* น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง
* แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
* เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา
* น้ำปูนใส
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)
2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)