วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วุ้นกะทิ



เครื่องปรุง + ส่วนผสม 

+ ส่วนผสมตัววุ้น + 
* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ 
* น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง 
* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง 
* น้ำใบเตย, น้ำกาแฟ หรือสีผสมอาหาร (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้) 


+ ส่วนผสมหน้าวุ้น + 
* วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ 
* น้ำมะพร้าว 2 1/2 ถ้วยตวง 
* น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง 
* หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง 
* แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ 
* เกลือ 1 1/2 ช้อนชา 
* แม่พิมพ์สำหรับใส่วุ้น (ถ้วยหรือชามเล็กๆ ก็สามารถใช้แทนกันได้) 


วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 
1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น) 
2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง 
3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง 
4. ระหว่างรอตัววุ้นแข็ง เตรียมทำหน้าวุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย 
5. จากนั้นจึงใส่แป้งข้าวโพด, หัวกะทิ (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือลงไปในส่วนผสมหน้าวุ้น คนอย่างต่อเนื่องจน ส่วนผสมละลายเข้ากัน 
6. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำส่วนผสมของหน้าวุ้นไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็มอย่างประณีต

 (พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน) 
7. เมื่อหน้าวุ้นและตัววุ้นแข็งดีแล้วก็ให้เคาะออกจากแบบ จัดใส่จานและเสริฟได้ทันที 

 

 

ข้าวเหนียวมะม่วง



เครื่องปรุง + ส่วนผสม 

* มะม่วงสุก 3 ลูก 
* ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม 
* หัวกะทิ 450 กรัม 
* เกลือป่น 3/4 ช้อนชา 
* น้ำตาลทราย 550 กรัม 
* ใบเตย 3-5 ใบ 
* ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ 
* หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำราด) 
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา (สำหรับทำน้ำราด)
 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

1. นำข้าวเหนียวไปล้างและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ 
2. นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ง แล้วจึงนำข้างเหนียววางลงบนผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปนึ่งจนข้าวเหนียวสุก 
3. ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา) และหัวกะทิ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่ใบเตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ 
4. ในชามขนาดกลาง ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งไว้จนสุกดีแล้วลงไป จากนั้นจึงใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว และทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที 
5. ในระหว่างที่รอ เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดย ผสมหัวกะทิ (2 ถ้วยตวง) และเกลือป่น (1/4 ช้อนชา) ลงในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนเกลือละลายทั่ว จึงปิดไฟ 
6. ปอกมะม่วงและจัดใส่จาน เวลาเสริฟ ตักข้าวเหนียวใส่จานจากนั้นโรยหน้าด้วยน้ำราดกะทิและถั่วทอง ควรเสริฟทันทีหลังจากปอกมะม่วงเสร็จใหม่ๆ 

 

ขนมหม้อแกงเผือก



ส่วนผสม ขนมหม้อแกงเผือก 

น้ำตาลปึก 1 ถ้วยตวง 
กะทิ 1 ถ้วยตวง 
ไข่ 1 ถ้วยตวง 
เผือกนึ่งยีละเอียด 1 ถ้วยตวง 
น้ำมัน 1/4 ถ้วยตวง 
หัวหอมซอย 1/3 ถ้วยตวง
 

วิธีทำ ขนมหม้อแกงเผือก 

1. นำน้ำตาล มาผสมลงในน้ำกะทิ คนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง 
2. ตีไข่ ใส่ลงในเผือก คนให้เข้ากัน แล้วนำกะทิที่ผสมไว้เทลง แล้วคนเข้าให้เขากันอีกรอบ 
3. ตั้งกระทะ เจียวหอมให้พอเหลือง 
4. ตักขนมที่ผสมไว้ใส่ถาด เพื่อนำเข้าเตาอบ ที่อุณหภูมิ 350 F จนสังเกตผิวของขนมเป็นสีเหลืองทอง

 ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที 
5. นำออกจากเตา โรยหน้าด้วยหอมเจียวก็เป็นอันเสร็จ ขนมหม้อแกงเผือก ของพวกเรา 


โครงการอนุรักษ์ขนมไทย "ขนมต้มใบเตย"

โครงการอนุรักษ์ขนมไทย "สัมปันนี"

ขนมเผือก



เครื่องปรุง 
เผือกนึ่งบดละเอียด 1 ถ้วย 
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย 
แป้งมัน 1/4 ถ้วย 
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย 
หัวกะทิ 1/2 ถ้วย 
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา 

หน้าขนม 
มะพร้าวขูดฝอย 1/4 ถ้วย 
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา 

วิธีทำ 
1. นำเผือกมานึ่งให้สุกและบดให้ละเอียด 
2. ร่อนแป้งข้าวเจ้ากับแป้งมันรวมกัน 
3. นำแป้งที่ร่อนแล้วไปนวดรวมกับเผือกให้เข้ากันโดยใส่หัวกะทิลงไปทีละน้อย 
4. ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ส่วนหัวกะทิที่เหลือก็ค่อยๆ ใส่ทีละน้อย 
5. ผสมหัวกะทิให้เข้ากันกับส่วนผสมทั้งหมดจนน้ำตาลละลายหมด 
6. เตรียมหน้าขนมโดยเคล้ามะพร้าวขูดฝอยกับเกลือป่นให้เข้ากัน 
7. ตักส่วนผสมของเผือกใส่ลงในกระทงหรือถ้วยที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด แล้วนำไปเรียงในรังถึง
8. นึ่งไฟปานกลางค่อนข้างแรงประมาณ 20-25 นาที หรือจนขนมสุกใสเป็นเงา ก็ยกลงได้ 
9. จัดใส่จาน จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลย
 


โครงการอนุรักษ์ขนมไทย "ขนมครก"

กระท้อนลอยแก้ว



ส่วนผสม 
กระท้อนปุยฝ้าย 3 ลูก 
(เลือกที่แก่จัด เพราะจะได้เนื้อที่หวานและปุยนุ่ม) 
น้ำตาลทราย 2/3 ถ้วย 
เกลือป่น 1 ช้อนชา 
น้ำร้อน 1 ถ้วย 
น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย 

วิธีทำ 
- เริ่มจากชงน้ำร้อนกับเกลือ คนจนเกลือละลายแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง และทิ้งไว้ให้เย็น 
- ปอกเปลือกกระท้อนออกให้เกือบ ถึงปุย ใช้มีดแซะเนื้อระหว่างเมล็ดออกและหั่นกระท้อนออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำลงแช่ในน้ำเกลือที่ทำรอไว้แล้ว 
- ทีนี้ก็มาทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำสะอาด

 (หรือน้ำลอยดอกมะลิ จะช่วยให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ) เข้าด้วยกัน และยกตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย แล้วกรองเอาผงออก จากนั้นก็ล้างภาชนะที่ทำให้สะอาด แล้วเทน้ำเชื่อมใส่ลงไปเคี่ยวต่ออีกที จนได้น้ำเชื่อมที่ข้นกำลังดีก็เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ 
- ช้อนกระท้อนขึ้นจากน้ำเกลือ ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ และใส่ลงในชามน้ำเชื่อม ใส่เกลือลงไปในน้ำเชื่อมเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ให้พอมีรสหวานเค็มนิดๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ 
- พอเวลาจะกินก็แค่ใส่น้ำแข็ง ลงไป 

หมายเหตุ :โดยตามธรรมชาติของกระท้อนในเมืองไทยนั้น จะออกลูกแค่ปีละครั้ง ในช่วงเดือนพ.ค. - ก.ย.เท่านั้น 

ขนมเต้าส่วน



เครื่องปรุง + ส่วนผสม 
* แป้งมัน 50 กรัม 
* ถั่วเขียวเลาะเปลือก 250 กรัม 
* น้ำเปล่า 900 กรัม 
* หัวกะทิ 200 กรัม 
* เกลือป่น 1/4 ช้อนชา 
* แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือก ล้างทำความสะอาด จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปใส่ผ้าขาวบางและนำไปนึ่งจนสุก
2. ระหว่างรอถั่วเขียวนึ่ง เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือและนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนสักพักจึงใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปกวนจนแป้งสุกจึงปิดไฟ และพักไว้ 
3. นำน้ำเปล่าไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไปคนจนละลายดี เสร็จแล้วใส่แป้งมัน ลงไปคนต่อจนแป้งสุกใส ใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงไป คนจนกระจายทั่ว จึงปิดไฟ 
4. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง) พร้อมเสริฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น 


เค้กกล้วยหอม(แบบหน้านูน)



ส่วนผสม 
1แป้งเค้ก(บัวแดง) 540 กรัม 
2ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ 
3โซดา 1 ช้อนโต๊ะ 
4กล้วยหอม 700 กรัม 
5น้ำตาลทรายป่น 350 กรัม 
6น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม 
7เกลือ 2 ช้อนชา 
8ไข่ไก่ 2 ฟอง 
9นมข้นจืด 200 กรัม 
10น้ำส้มสายชู 20 กรัม 
11น้ำมันพืช 250 กรัม 
12กลิ่นกล้วยหอม 2 ช้อนชา
 

วิธีทำ 
1ร่อนแป้ง ผงฟู ผงโซดา รวมกัน 2 ครั้ง พักไว้ 
2ตีกล้วยหอม น้ำตาลทราย น้ำตาลปีบ เกลือ จนเละเข้ากันดีตีพักไว้ 10 นาที 
3ผสมนมกับน้ำส้มสายชู เติมลงในข้อ 2 ครึ่งส่วน เติมไข่ไก่ ตีต่ออีก 5 นาที 
4ใส่แป้งสลับกับน้ำนม แล้วใส่น้ำมัน หมักแป้งไว้ ครึ่งชั่วโมง 
5ตักใส่ถ้วยกระดาษ นำเข้าอบ เวลา 20 นาที


ขนมเทียน



เครื่องปรุง + ส่วนผสม 
* แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม 
* น้ำตาลโตนด 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำตัวแป้ง) 
* น้ำตาลโตนด 1 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับทำไส้) 
* ถั่วเขียวกะเทาะเปลือกนึ่ง 2 ถ้วยตวง 
* น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ 
* พริกไทย 1 ช้อนชา 
* น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ 
* มะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง 
* เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 
1. เริ่มจากทำตัวแป้งก่อนโดย นำน้ำตาลโตนดไปเคี่ยวจนเหนียวแล้วจึงนำไปนวดกับแป้งข้าวเหนียวจนเข้ากัน
2. เตรียมทำไส้หวาน โดยนำน้ำตาลโตนดเคี่ยวกับมะพร้าวจนแห้งจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ สำหรับไส้เค็ม ให้นำน้ำมันใส่กระทะไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นใส่ถั่วนึ่ง, พริกไทย, เกลือและน้ำตาลทราย ผัดจนหอมและส่วนผสมเข้ากันทั่วจึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น 
3. ห่อขนมโดยตัดใบตองเป็นแผ่นๆ เช็ดให้สะอาดและทาด้วยน้ำมันนิดหน่อย ตักแป้งใส่แล้วห่อไส้เค็มหรือไส้หวานตามชอบ จากนั้นนำแป้งอีก ก้อนวางลงบนไส้ ห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม นำไปนึ่งประมาณ 30 นาทีจนสุก


ขนมถังแตก



เครื่องปรุง + ส่วนผสม 

+ ส่วนผสมทำตัวแป้ง + 

* แป้งสาลี 500 กรัม 

* แป้งข้าวเจ้า 1500 กรัม 

* กะทิ 3 ถ้วยตวง 

* น้ำ 6 ถ้วยตวง 

* ยีสต์ 2 ช้อนชา 

* น้ำตาลทราย 800 กรัม (1) 

* น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา (2) 

* เกลือป่น
 

+ ส่วนผสมไส้ขนม + 

* งาดำคั่วพอสุก 3 ช้อนโต๊ะ 

* มะพร้าวแก่ขูดเป็นเส้นๆ 2 1/2 ถ้วยตวง 

* น้ำตาลทราย
 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

1. ผสมแป้งสาลี, แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1 : 800 กรัม) และเกลือป่นเล็กน้อย จากนั้นใส่กะทิและน้ำ คนให้เข้ากัน 

2. ผสมยีสต์กับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2 : 2 ช้อนชา)ในน้ำอุ่นเล็กน้อย คนให้เข้ากันดี จากนั้นจึงปิดฝาภาชนะที่ใช้ผสม นำไป ตากแดดประมาณ 8-10 นาที จึงนำไปผสมกับส่วนผสมแป้งในขั้นตอนที่หนึ่ง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง พอเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและมีฟองเป็นอันใช้ได้ 

3. ทาน้ำมันที่กระทะ ตั้งไฟจนร้อนจัดแล้วลดไฟลง ตักแป้ง (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) ใส่กระทะเหล็ก พอแป้งเริ่มสุก จึงโรยน้ำตาลทราย (ตามความหวานที่ชอบ), งา และมะพร้าวขูด แซะพับครึ่งแล้วตักขึ้นใส่จานเสริฟ 


ที่มาhttp://flash-mini.com/thaidessert/133/%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%20%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81.htm

ข้าวเหนียวดำเปียกเมล็ดบัว

เครื่องปรุง 
- ข้าวเหนียวดำ 1 ถ้วยตวง 
- มะพร้าวอ่อน 1 ผล
 
- เมล็ดบัว 1 ถ้วยตวง
 
- น้ำตาลทราย
 

วิธีทำ 
ต้มเมล็ดบัวให้สุกก่อน แล้วตักขึ้น เอาข้าวเหนียวดำต้มกับน้ำมะพร้าว ขูดเนื้อมะพร้าวใส่ลงไปด้วย เติมน้ำลงไปพอให้ได้ข้าวเหนียวที่มีน้ำขลุกขลิก พอเมล็ดข้าวบาน ใส่เมล็ดบัวลงไป เติมน้ำตาลทรายอย่าให้หวานมาก 

จ่ามงกุฎ


 

ส่วนผสม 
ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 6 ฟอง 
กะทิ 1 ถ้วยตวง
 
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
 
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
 
สีเหลืองและสีแดง (สำหรับผสมอาหาร)
 
ทองคำเปลวอย่างดีตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
 

วิธีทำ
 
ผสมกะทิกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน ๆ ให้ส่วนผสมข้น ยกลงทิ้งไว้ให้อุ่น 
ใส่ไข่แดงลงในสวนผสมข้อที่ 1 ทีละฟอง คนให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน
 
ค่อย ๆ ร่อนแป้งลงในส่วนผสมข้อที่ 2 คนไปทางเดียวกัน และคนให้เข้ากันดี นำไปตั้งไฟกวนให้สุกและแห้งไม่ติดมือ
 
หยดสีแดงและสีเหลืองลงในส่วนผสม (ขณะที่ขนมยังไม่ได้ที่) ให้ขนมมีลักษณะเป็นสีทอง จึงจะถูกต้อง
 
เมื่อขนมได้ที่แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
 
ปั้นส่วนผสมที่ได้เป็นรูปกลม ใช้มีดกรีดเบา ๆ เป็น 6 พูอย่าให้ขาด ลักษณะจะคล้ายผลมะยม เตรียมไว้เท่ากับจำนวนแป้งที่ทำเป็นถ้วยไว้
 


ส่วนผสมถ้วยขนม 
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง 
ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 3 ฟอง
 


วิธีทำ 
นวดแป้งกับไข่แดงให้เข้ากัน 
ใช้ไม้คลึงให้บาง กรุลงในพิมพ์
 
นำไปอบให้สุกเหลือง
 


ส่วนผสมเมล็ดแตงโม 
เมล็ดแตงโม 1 ถ้วยตวง
 
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
 
น้ำเปล่า 1 1 / 2 ถ้วยตวง
 


วิธีทำ 
นำน้ำตาลทรายผสมน้ำเปล่า เคี่ยวให้เหนียว พักไว้ให้เย็น 
นำกระทะทองตั้งไฟอ่อน ๆ คั่วเมล็ดแตงโมให้เหลือง
 
ตะแคงกระทะทองเช็ดรอบ ๆ กระทะให้สะอาด ใช้มือจุ่มน้ำเชื่อมสะบัดใส่เมล็ดแตงโมในกระทะทอง ใช้มือกวาดไปมาบนกระทะจนน้ำตาลแห้งเกาะเมล็ดแตงโม ให้มีลักษณะเป็นหนามพองาม
 
วางจ่ามงกุฎที่ปั้นแล้วลงในถ้วยแป้ง แต่งด้วยเมล็ดแตงโมโดยรอบ ปั้นส่วนผสมจ่ามงกุฎเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ วางเป็นยอดและปิดทองบนยอด
 


ที่มา แม่บ้าน ปีที่ 30 ฉบับที่ 436 กันยายน 2548

สังขยาฟักทอง


 

เครื่องปรุง + ส่วนผสม 

* ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม) 

* ไข่่ 4 ฟอง
 

* หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง
 

* น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง
 

* แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
 

* เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา
 

* น้ำปูนใส
 

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
 

1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง) 

2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
 

3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ
 

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

สูตรขนมหวานไทย : เม็ดขนุน

สิ่งที่ต้องเตียม

* ถั่วเขียวเลาะเปลือก 450 กรัม
* น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
* น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)
* น้ำกะทิ 400 กรัม
* น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)
* ไข่เป็ด 5 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่แดง)

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
4. ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงเม็ดขนุน
5. ทำน้ำเชื่อมโดยผสมน้ำตาลและน้ำเปล่า นำไปเคี่ยวในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้) จนเหนียวข้นเป็นยางมะตูม จึงปิดไฟ
6. ตอกไข่และเลือกเอาเฉพาะไข่แดงมารวมกัน เขี่ยพอให้ไข่แดงแตก จากนั้นจึงนำเม็ดขนุนที่ปั้นเตรียมไว้ใส่ลงไปแช่ในไข่แดงทีละเม็ด แล้วจึงนำไปใส่ในน้ำเชื่อม พยายามอย่าให้ติดกัน พอใส่ลงไปมากแล้วจึงนำกระทะไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนสุกทั่งจึงตักออกมาพัก ทำซ้ำเช่นนี้จนเม็ดขนุนที่ปั้นไว้หมด
7. จัดเม็ดขนุนใส่จาน เสริฟทานเป็นของว่างในวันสบายๆ

วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

สังขยาใบเตย

ขั้นตอนการทำลูกชุบ

'ลูกชุบ' ขนมที่มีรูปร่างและสีสันที่หลากหลาย แปลกตา แต่จะเป็นรูปร่างใด ต้องตามใจผู้ปั้น ซึ่งจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรนั้น มีวิธิการทำมาฝากค่ะ...
ลูกชุบ, ขนมไทย
ส่วนผสม
 1. ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1/2 กก. 2. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง 3. น้ำตาลทราย 1/2 กก. 4. วุ้นผง 5 ช้อนโต๊ะ 5. น้ำ 5 ถ้วยตวง
วัสดุที่ต้องใช้
1. กระทะทองเหลือง 2. ไม้พาย 3. ไม้เสียบลูกชิ้น หรือไม้จิ้มฟัน 4. สีผสมอาหาร 5. จานสี 6. พู่กัน
ลงมือเข้าครัว
1. เริ่มจากการล้างถั่วที่เลือกเอาเมล็ดเสียออกแล้วด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง เทน้ำทิ้ง แช่ด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งประมาณ 3-4 ชั่วโมง เทน้ำทิ้งแล้วล้างอีกครั้ง
2. นำถั่วที่ล้างสะอาดแล้วไปนึ่งให้สุก จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด
3. นำน้ำตาลและกะทิมาต้มด้วยไฟอ่อนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ในขั้นตอนนี้ควรคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กะทิเป็นลูก
4. นำถั่วที่บดจนละเอียดแล้วใส่ลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟปานกลาง ค่อยๆทยอยใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวได้ที่แล้วลงไปทีละน้อย เทไปกวนไปจนหมด ที่สำคัญต้องกวนไปในทางเดียวกัน จนถั่วเริ่มแห้ง ให้หรี่ไฟลง รอจนถั่วเริ่มแห้งและร่อนออกจากกระทะ จึงนำออกมานวดจนเนียน
5. ขั้นตอนต่อไปก็ขึ้นอยู่กับฝีมือการปั้นของแต่ละคน เมื่อปั้นได้รูปแล้ว ก็นำมาเสียบกับไม้จิ้มฟัน หรือไม้เสียบลูกชิ้น ระบายสีตามชอบ
6. ระบายสีเสร็จแล้ว ก็นำไม้ไปเสียบไว้ที่โฟม รอจนสีแห้ง
7. หัมาทำน้ำวุ้นกันบ้าง เริ่มจากนำวุ้นผงและน้ำใส่หม้อคนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง หมั่นคนจนวุ้นใส ยกลงทิ้งไว้สักครู่จะมีฟองลอยขึ้นมา ให้ใช้ช้อนตักฟองทิ้ง
8. นำถั่วที่ลงสีแล้วชุบกับวุ้น 1 ครั้ง ปักบนโฟม รอให้แห้ง แล้วจึงชุบครั้งที่ 2 และ 3 เมื่อวุ้นแข็งตัวดีแล้วจึงถอดออกจากไม้จิ้ม ใช้กรรไกรตัดส่วนที่ไม่ต้องการทิ้ง แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
แม้จะดูว่ามีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก แต่หากช่วยกันทำหลายๆ คนแล้ว คงเป็นกิจกรรมที่ดีสำหรับครอบครัวแน่นอน...


แหล่งข้อมูล:http://women.sanook.com/

สาคูไส้หมู


ส่วนผสมไส้ สาคูไส้หมู

เนื้อหมูสับ 400 กรัม
หัวหอมแดง 400 กรัม
ถั่วลิสงคั่วป่นละเอียด 1 ถ้วยตวง
พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนชา
รากผักชีหั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 6 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 3/4 ถ้วยตวง

วิธีทำไส้สาคูไส้หมู


1. โขลกพริกไทย รากผักชี กระเทียมให้ละเอียด
2. หัวหอมแดงหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ
3. ตวง น้ำมันใส่กระทะตั้งไฟ ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดพอหอม ใส่หมูผัดจนหมูสุก ใส่หัวหอมแดง ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วขาว ชิมรสให้มีรสเค็มหวานจัด ผัดต่อไปจนแห้งและเหนียว
4. ยกลงใส่ถั่วลิสงคั่วป่นละเอียด ผัดให้เข้ากัน ตักใส่จานทิ้งไว้จนเย็น

ส่วนผสมสาคูไส้หมู

สาคูเม็ดเล็ก 3 ถ้วยตวง
กระเทียมสับละเอียด 1/4 ถ้วยตวง
น้ำมัน 1/2 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า

วิธีทำสาคูไส้หมู


1. กระเทียมสับละเอียด เจียวกับน้ำมันให้เหลือง ตักขึ้น
2. เอา สาคูล้างน้ำ รินน้ำออก ให้มีน้ำเหลืออยู่บ้าง ทิ้งไว้สักครู่ พอสาคูขึ้นจึงนวดเบาๆมือ พอปั้นได้ ถ้าสาคูแห้งไปก็เติมน้ำเล็กน้อย นวดพอเข้ากัน
3. หยิบสาคูมาก้อนหนึ่ง แผ่สาคูให้บางตักไส้ใส่ตรงกลาง เอาสาคูหุ้มไส้ให้มิด
4. ฉีกใบตองปูลังถึง ทาน้ำมันบนใบตองให้ทั่ว หยิบสาคูเรียงใส่ลังถึง อย่าเรียงให้ติดกัน พรมน้ำบนลูกสาคูให้ทั่ว นำไปนึ่งประมาณ 7 นาที เมื่อสุกแล้วยกลง พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ทิ้งไว้สักครู่ เอาสาคูขึ้นจากลังถึง ใส่ถาดที่หล่อด้วยน้ำมัน
5. สาคูไส้หมูรับประทานกับผักกาดหอม ผักชี พริกขี้หนู
6. เวลาจัด หยิบสาคูขึ้นจากถาดน้ำมันใส่จานโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว

วีดีโอการทำขนมลูกชุบ

VDO สอนทำขนมลูกชุบ

สูตรขนมตาล






สูตรขนมตาล
 (สูตรดี สูตรเด็ดของเจ๊หลี)
ส่วนผสม
1. มะพร้าวขาวขูด 500 กรัม – คั้นให้ได้กะทิข้น ๆ 2+1/4 ถ้วยตวง( 520 กรัม) (เราใช้กะทิ 1 กระป๋อง ผสมน้ำอีกจนได้สัดส่วน 2+1/4 ถ้วยตวง)
2. น้ำตาลทราย 1+2/3 ถ้วยตวง (275 กรัม)
3. แป้งข้าวจ้าว 2+1/2 ถ้วยตวง (235 กรัม)
4. เนื้อลูกตาล 3/4 ถ้วยตวง (170 กรัม)
5. มะพร้าวแก่ทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือ เตรียมไว้โรยหน้า
เนื้อตาลขวดหนึ่ง ทำขนมได้ 2 – 3 สูตรเลยค่ะ
เริ่มแรกผสมกะทิกับ น้ำตาลทราย นำขึ้นตั้งไฟ จนน้ำตาลละลาย คนต่อไปจนเดือดทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็น ไม่ได้กรองตามสูตรนะคะ เพราะใช้กะทิสำเร็จรูปดูมันสะอาดแล้วค่ะ ความจริงขี้เกียจค่ะ อิ๊ก ๆ แต่ควรที่จะกรอกนะค่ะ ร่อนแป้งข้าวจ้าวแล้วนำมาผสมกับเนื้อตาล ใช้ปลายนิ้วทั้งสิบ เคล้าให้เข้ากัน
ลักษณะที่ได้จะเป็นเม็ด ๆ เหมือนทำแป้งพายเลยค่ะ แล้วใส่กะทิลงไปนิดหน่อย กะประมาณให้สามารถนวดแป้งเข้ากันเป็น dough ไม่ถึงกับแฉะน่ะค่ะ ได้ dough ประมาณนี้ แล้วก็นวดต่อไป เหมือนนวดแป้งขนมปังน่ะค่ะ ประมาณ 25 นาที (ขอแก้จาก 30 นาทีค่ะ คือ เอาอีก 5 นาที ไปนวดต่อในขั้นตอนในรูปต่อไปค่ะ) อย่าขี้เกียจนวดนะคะ เพราะตามประสบการณ์ในการหัดทำขนมไทย ถ้าสูตรบอกว่านวด แล้วเราไม่ทำตาม มักจะไม่ได้ผลที่ดีค่ะ
พอนวดเสร็จ ก็เติมกะทิส่วนที่เหลือลงไปที่ละน้อย นวดแป้งให้ละลายกับน้ำกะทิ จนได้ส่วนผสมเหลว คลุมด้วยพลาสติกอย่างมิดชิด หรือปิดฝาพักไว้จนขึ้นเป็นฟองละเอียดประมาณ 6 ชั่วโมง หรือถ้าจะให้ดี ก็คือเตรียมแป้งตอนกลางคืน ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วมานึ่งตอนเช้าค่ะ
ให้เตรียมลังถึง ใส่ถ้วย หรือ พิมพ์ที่จะใช้นึ่งขนม ลงไป แล้วนึ่งให้ร้อนจัด ก่อนจะนึ่งขนม แต่ถ้าใช้ใบตองทำกระทง ใส่นึ่งได้เลยค่ะ เจ๊หลีบอกอีกค่ะ

เสร็จแล้วก็ตักเนื้อขนมตาลแบ่งมาประมาณ 1 ถ้วยตวง แล้วใส่ผงฟูประมาณ 1/2 -1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ด้วยช้อนไม้หรือพายยาง ไม่แนะนำให้ใช้ตะกร้อมือค่ะ เพราะตามประสบการณ์แล้ว จะทำให้ขนมไม่ขึ้นฟูมาก เทใส่พิมพ์ (ที่กำลังอุ่นร้อน ๆ ) หากยังมีพิมพ์เหลือที่ว่าง ก็ให้ตักเนื้อขนมตาลออกมาอีก แล้วเติมผงฟู ประมาณ 1/2 -1 ช้อนชา คนให้เข้ากันตามขั้นตอนเดิม พอพิมพ์เต็มหมดทุกอันแล้ว ก็ให้นำขึ้นนึ่งทันที ขั้นตอนนี้สำคัญ แต่ไม่มีรูปให้ดูเลยค่ะ

พิมพ์ที่เราใช้ค่อนข้างใหญ่ ก็เลยนึ่งประมาณ 15-20 นาทีเลยค่ะ ทั้งนี้ให้เช็คด้วยการใช้ไม้จิ้มฟันแทงเนื้อขนมดู หากยังแฉะ ก็ถือว่ายังไม่สุกค่ะ ขนมจะฟูมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของผงฟูที่ใส่ด้วยค่ะ(ตามเคร็ดลับของเจ๊หลี) เราใช้ประมาณ 1/2 ช้อนชาต่อเนื้อตาล 1 ถ้วยตวงค่ะ ท่านไหนที่ชอบฟูมาก ใส่ไปเลย 1 ช้อนชา ขนมจะฟูมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ
ได้แล้วค่ะ ขนมตาลเนื้อฟูนุ่ม